วิตามินรวม (Multivitamin) คือ เป็นผลิตภัณฑ์รวมของกลุ่มวิตามิน (Vitamin) และแร่ธาตุต่างๆ (Mineral) ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย บางคำนิยามให้ความหมายถึงผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของวิตามินมากกว่า 3 ชนิด และอาจมีแร่ธาตุอื่นประกอบอยู่ด้วยมากกว่า 1 ชนิดขึ้นไป โดยชนิดของส่วนประกอบนั้นขึ้นกับผู้ผลิต และจุดประสงค์ของผลิตภัณฑ์นั้นๆ
กลุุ่มของวิตามินรวมอาจพิจารณาได้หลายแบบ เช่น วิตามินและแร่ธาตุรวมสำหรับบุคคลทั่วไปที่มีปริมาณสารอาหารเพียงพอต่อความต้องการในแต่ละวัน หรือกลุ่มวิตามินรวมเพื่อจุดประสงค์เฉพาะกลุ่มบุคคล เช่น สำหรับเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน สำหรับผู้ลดน้ำหนัก สำหรับกลุ่มบุคคลในแต่ละวัย เป็นต้น
Multivitamin เป็นคำรวมๆ ของผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของวิตามินและแร่ธาตุหลากหลายชนิด
ประโยชน์ของวิตามินรวม
วิตามินรวม ช่วยอะไรบ้าง วิตามินรวมบำรุงร่างกายมีประโยชน์ที่หลากหลาย ขึ้นกับวิตามินและแร่ธาตุแต่ละชนิดที่บรรจุ ผู้อ่านสามารถอ่านประโยชน์ของวิตามินและแร่ธาตุต่างๆ ได้ในคลังความรู้ของเรา อย่างไรก็ตามประโยชน์ของวิตามินรวม อาจมีความแตกต่างกับกลุ่มเป้าหมายแต่ละกลุ่ม ได้แก่
วิตามินรวมสำหรับผู้ชาย
ผู้ชายจะมีความต้องการสารอาหารบางชนิดต่างกับผู้หญิง เช่น ความต้องการธาตุเหล็กที่น้อยกว่า ในขณะที่อาจมีการเพิ่มสารบางชนิดที่มีความสำคัญเฉพาะตัว เช่น ไลโคปีน (lycopene) ที่มีส่วนช่วยป้องกันการเกิดมะเร็งต่อมลูกหมากได้
วิตามินรวมสำหรับผู้หญิง
ผู้หญิงมีความต้องการธาตุเหล็กมากกว่าผู้ชาย เนื่องจากการมีประจำเดือน ดังนั้น ผลิตภัณฑ์ประเภทนี้ก็มักจะมีส่วนประกอบของธาตุเหล็กมากขึ้น
วิตามินรวมสำหรับหญิงตั้งครรภ์
โดยธรรมชาติหญิงตั้งครรภ์จะมีความต้องการสารอาหารชนิดต่างๆ มากขึ้น ยกตัวอย่างเช่น ไอโอดีนเนื่องจากมีการเพิ่มขึ้นของการสังเคราะห์ฮอร์โมนไทรอยด์ระหว่างตั้งครรภ์ ธาตุเหล็กเพื่อใช้สำหรับสร้างเม็ดเลือดแดง หรือโฟลิกเพื่อป้องกันการเกิดความผิดปกติของทารกในครรภ์ อย่างไรก็ตาม อาหารเสริมบางอย่างอาจกระตุ้นในแพ้ท้องได้จึงต้องระวังในการเลือกรับประทาน
วิตามินรวมสำหรับเด็ก
เด็กมีความต้องการสารอาหารทั่วไปปริมาณน้อยกว่าผู้ใหญ่ ดังนั้น ปริมาณวิตามินและแร่ธาตุจะมีอยู่น้อยกว่า นอกจากนี้รูปแบบของยาอาจมีลักษณะที่ดึงดูดให้เด็กรับประทาน เช่น เม็ดยารูปการ์ตูน รสชาติ และกลิ่นคล้ายลูกอม หรือแบบน้ำหวานรสผลไม้
วิตามินรวมสำหรับผู้สูงอายุ
ผู้สูงอายุโดยเฉพาะผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน มักมีปัญหาเรื่องกระดูกเป็นสำคัญ ผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่ก็มักมีการเสริมแร่ธาตุแคลเซียม และวิตามินดี นอกจากนี้สารอาหารบางชนิดที่มักดูดซึมได้น้อยลง เช่น วิตามินบี12 ก็อาจมีการใส่เป็นส่วนประกอบเพิ่มเติมด้วย
วิตามินรวมสำหรับเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน
เป็นผลิตภัณฑ์ที่ประกอบด้วยสารที่มีส่วนช่วยในการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน เช่น วิตามินเอ วิตามินดี วิตามินอี วิตามินซี วิตามินบี6 วิตามินบี12 และซิงค์ เป็นต้น
ปริมาณของวิตามินและแร่ธาตุต่างๆ ที่ควรได้รับในแต่ละวัน
วิตามิน และแร่ธาตุแต่ละชนิด มีการกำหนดค่าปริมาณที่ควรได้รับประจำวัน (Recommended Dietary Allowances; RDAs) ซึ่งรวบรวมโดยสำนักโภชนาการ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข โดยเป็นปริมาณสำหรับคนปกติที่มีสุขภาพแข็งแรง อย่างไรก็ตามมีข้อพึงระวังคือ หากเป็นผู้ที่มีภาวะทุพโภชนาการด้านการขาดสารอาหาร หรือมีโรคบางชนิดที่อาจทำให้ต้องการสารอาหารบางอย่างเพิ่มขึ้น ปริมาณที่ควรได้รับก็อาจไม่เพียงพอต่อความต้องการ
ค่าปริมาณสารอาหารที่ควรได้รับประจำวันของวิตามิน และแร่ธาตุแต่ละชนิด สามารถศึกษาเพิ่มเติมได้ในคลังความรู้ของเรา
อาหารและยาเสริมวิตามินรวม
วิตามินรวม บำรุงร่างกายจำเป็นหรือไม่ โดยทั่วไปการรับประทานอาหารครบ 5 หมู่ในแต่ละวันจะทำให้เราได้วิตามินและแร่ธาตุที่เพียงพอ อย่างไรก็ตามผลิตภัณฑ์เหล่านี้จะมีความจำเป็นในกรณีที่เจ็บป่วยไม่สบาย หรือมีภาวะใดๆ ที่อาจทำให้เราได้รับสารอาหารบางชนิดไม่เพียงพอ ช่วยเติมเต็ม และป้องกันการขาดสารอาหารต่างๆได้
มาถึงตรงนี้ เชื่อว่าหลายคนคงเคยมีคำถามว่าหากรับประทานยาเสริมเหล่านี้แล้วจะทำให้เราจะได้รับวิตามินหรือแร่ธาตุบางชนิดมากเกินความจำเป็นหรือไม่ ต้องกล่าวว่าผลิตภัณฑ์ที่มีแบรนด์น่าเชื่อถือจะมีการตรวจปริมาณสารอาหารที่ใส่เข้าไป โดยจะมีในระดับที่เพียงพอ แต่ไม่เกินระดับสูงสุดที่แนะนำในคนทั่วไป ทั้งนี้ ปริมาณที่ควรได้รับกับปริมาณสูงสุดที่รับได้จะมีค่าแตกต่างกันค่อนข้างมาก ได้แก่
- วิตามินเอ ในผู้ใหญ่ควรได้รับประมาณ 600-700 ไมโครกรัมต่อวันในขณะที่ปริมาณสูงที่รับได้คือ 3,000 ไมโครกรัมต่อวัน
- วิตามินบี 6 หรือไพริดอกซีน (pyridoxine) ในผู้ใหญ่ควรได้รับประมาณ 1.3 มิลลิกรัมต่อวันในขณะที่ปริมาณสูงที่รับได้คือ 100 มิลลิกรัมต่อวัน
- ธาตุสังกะสี (Zinc) ในผู้ใหญ่ควรได้รับประมาณ 10 มิลลิกรัมต่อวันในขณะที่ปริมาณสูงที่รับได้คือ 40 มิลลิกรัมต่อวัน
ดังนั้น หากเราไม่แน่ใจว่าได้รับสารอาหารในชีวิตประจำวันเพียงพอดี ก็สามารถเลือกทาน multivitamin เสริมได้โดยไม่ต้องกังวลว่าจะได้รับมากเกินไป อย่างไรก็ดีควรเลือกรับประทานผลิตภัณฑ์ใดผลิตภัณฑ์หนึ่ง และอ่านข้อควรระวังในฉลากของผลิตภัณฑ์ทุกครั้งว่าควรงดเว้นในกลุ่มบุคคลใดหรือสำหรับกลุ่มบุคคลใด เพื่อป้องกันอันตรายและการได้รับสารอาหารชนิดใดชนิดหนึ่งที่มากเกินไปนั้นเอง
วิตามินรวม กินตอนไหน โดยจริงๆ แล้วสามารถกินตอนไหนก็ได้ ทั้งนี้อาจขึ้นกับส่วนประกอบของตัวยา เช่น ถ้ามีแคลเซียมคาร์บอเนตเป็นส่วนประกอบก็จะดูดซึมได้ดีหากกินพร้อมอาหาร
รูปแบบของผลิตภัณฑ์วิตามินรวม
ปัจจุบันรูปแบบผลิตภัณฑ์ของ multivitamin มีทั้งแบบเม็ด เม็ดฟู่ละลายน้ำ แบบผงละลายน้ำ แบบน้ำ รวมถึงแบบฉีดเข้าทางเส้นเลือด ทั้งนี้การเลือกใช้ขึ้นอยู่กับความสะดวกในการบริโภค เช่น หากในผู้สูงอายุที่มีปัญหาในการกลืนก็อาจใช้วิตามินรวมเม็ดฟู่สำหรับละลายน้ำแล้วดื่ม ซึ่งนอกจากจะกินง่ายยังสามารถดูดซึมได้เลยไม่เหมือนแบบเม็ดหรือแคปซูล ทั้งนี้การดูดซึมของแต่ละรูปแบบโดยรวมไม่ได้แตกต่างกันมาก
ข้อจำกัดสำหรับการเสริมวิตามินรวม
ก่อนรับประทาน multivitamin ดังที่กล่าวไว้ว่าควรอ่านฉลากบนผลิตภัณฑ์ หรือปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร ก่อนทาน เนื่องจากอาจมีส่วนประกอบบางอย่างที่มีผลต่อยาอื่นๆที่บางคนอาจต้องรับประทานประจำ เช่น multivitamin ที่มีวิตามินเคเป็นส่วนประกอบ ควรระวังในผู้ที่ทานยาวาร์ฟาริน (warfarin) ซึ่งมีปฏิกิริยาตรงข้ามกัน หรือการทาน multivitamin ที่มีกรดโฟลิก (folic acid) ในผู้ที่รับประทานยากันชัก อาจมีผลลดระดับยากันชักในกระแสเลือดทำให้อาการชักกำเริบได้ เป็นต้น
ข้อสรุป ของวิตามินรวม
Multivitamin เป็นผลิตภัณฑ์ที่ช่วยเติมเต็ม และป้องกันการขาดสารอาหาร เราสามารถเลือกรับประทาน multivitamin ที่เหมาะสมสำหรับตัวเราโดยเลือกผลิตภัณฑ์ที่น่าเชื่อถือ และอ่านฉลาก หรือปรึกษาแพทย์ เภสัชกรก่อนเลือกรับประทาน ทั้งนี้ ไม่ควรรับประทานหลายชนิดเนื่องจากอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพตามมาโดย
นอกจากสารอาหารที่ได้รับอย่างเหมาะสม ต้องไม่ลืมว่าสุขภาพที่แข็งแรงมาจากหลายองค์ประกอบ อย่าลืมออกกำลังกาย พักผ่อนให้เพียงพอ และฝึกสุขภาพจิตร่วมไปด้วยนะครับ