ผิวของเรามีหน้าที่หลายอย่าง อาทิ เช่น ช่วยปกป้องร่างกาย ควบคุมอุณหภูมิของร่างกาย แต่ผิวก็มีแนวโน้มที่จะเกิดปัญหาต่างๆ เช่น ผิวคล้ำ รอยแผลเป็น ริ้วรอยและจุดด่างดำ เนื่องจากมลพิษต่างๆที่เราจำเป็นต้องเผชิญในชีวิตประจำวัน อาหารเสริมผิวขาวจึงเป็นเหมือนอาหารผิว ที่ช่วยให้ผิวมีสุขภาพที่ดีได้
ผิวสุขภาพดีเป็นสิ่งที่หลายๆคนฝันหา อยากให้ผิวดูอ่อนเยาว์ และมีสุขภาพดีตลอดไป มีวิตามินและสารอาหารหลายชนิดที่เป็นประโยชน์ในการสร้างสุขภาพผิวที่ดี แต่เนื่องจากการรับประทานอาหารที่เหมาะสม ได้แก่ ผลไม้ ผัก ถั่ว ธัญพืชไม่ขัดสี โปรตีนไร้มัน และผลิตภัณฑ์จากนมที่มีไขมันต่ำ อาหารเหล่านี้ที่อุดมไปด้วยวิตามินเอ วิตามินซี วิตามินอี และวิตามินบี อาจรับประทานได้ไม่ค่อยเพียงพอ ดังนั้นการเลือกผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร อาหารเสริมผิวขาวใส ที่อุดมไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อผิว ถือเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง
อาหารผิว ได้แก่ วิตามิน และแร่ธาตุที่มีฤทธิ์เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ สามารถช่วยให้ผิวของคุณมีสุภาพที่ดีได้ ได้แก่ช่ วยลดจุดด่างดำ ริ้วรอย ลดความความแห้งกร้าน ปรับสีผิว โดยวิตามินผิวขาว แร่ธาตุ และสารอาหารที่มีฤทธิ์เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ และมีประโยชน์ต่อผิวพรรณ ได้แก่
วิตามินเอ (Vitamin A)
วิตามินผิวขาว กระจ่างใส เพื่อให้ผิวมีสุขภาพที่ดี
วิตามินเอ (Vitamin A) คืออะไร
วิตามินเอเป็นวิตามินที่ละลายได้ในไขมัน วิตามินเอเกี่ยวข้องกับการทำงานของภูมิคุ้มกัน การมองเห็น การสืบพันธุ์ และการสื่อสารของเซลล์ ส่วนใหญ่แล้วเรารู้จักวิตามินเอกันดีในแง่มีความสำคัญต่อการมองเห็นในฐานะองค์ประกอบสำคัญของโปรตีนที่ทำหน้าที่ดูดซับแสงในตัวรับม่านตา และสนับนุนการทำงานของเยื่อบุตาและกระจกตา
วิตามินเอ (Vitamin A) ช่วยเรื่องผิวพรรณได้อย่างไร
วิตามินเอนอกจากจะมีบทบาทสำคัญในร่างกายแล้ว ยังจำเป็นอย่างยิ่งต่อสุขภาพผิวของคุณด้วย โดยวิตามินเอมีส่วนในการผลิตเซลล์ผิวใหม่ เป็นอาหารเสริมผิวขาว กระจ่างใส ที่หลายคนนิยม ด้วยเรตินอยด์ ซึ่งเป็นสารประกอบที่รู้จักกันดีสำหรับการทำงานของผิวหนัง เช่น
- ลดเลือนริ้วรอยและรอยเหี่ยวย่น โดยการกระตุ้นการผลิตคอลลาเจน ที่เป็นโปรตีนที่ทำให้ผิวเรียบเนียน
- ต่อสู้กับความเสียหายที่เกิดจากรังสียูวี เช่นรอยดำและจุดด่างดำ ช่วยให้ผิวของคุณดูอ่อนเยาว์ขึ้นและอาจลดความเสี่ยงต่อมะเร็งผิวหนังบางชนิดได้
- ต่อสู้กับสิวด้วยการขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วและช่วยป้องกันการอุดตันของรูขุมขนและการอักเสบ
- ปรับปรุงโทนสีผิว โดยกระตุ้นการสร้างหลอดเลือดใหม่ เป็นวิตามินผิวขาว ปรับสีผิวให้กระจ่างใสขึ้นได้
- ส่งเสริมการรักษาบาดแผล
มีการศึกษาพบว่าผู้ที่มีวิตามินเอในผิวสูงมักจะดูอ่อนกว่าวัย ผู้ที่มีปริมาณวิตามินเอในผิวต่ำ
ต้องรับประทานวิตามินเอ (Vitamin A) ในปริมาณเท่าใด
อาหารเสริมผิวขาว วิตามินเอ ในผู้ชายควรได้รับวิตามินเอ 900 ไมโครกรัมต่อวัน และผู้หญิงควรได้รับ 700 ไมโครกรัมต่อวัน โดยสามารถรับประทานอาหารที่มีปริมาณวิตามินเอสูง ได้แก่ ผักใบเขียว ผักสีส้มและสีเหลือง แครอท บร็อคโคลี่ แคนตาลูป มะเขือเทศ ผลไม้ ผลิตภัณฑ์จากนม ตับ ปลา เป็นต้น โดยร่างกายของคุณสามารถดูดซึมวิตามินเอได้ก็ต่อเมื่อคุณรับประทานพร้อมกับอาหารที่มีไขมัน
ผลข้างเคียง และข้อควรระวังในการใช้วิตามินเอ (Vitamin A)
วิตามินเอมีสรรพคุณที่ดีต่อผิวพรรณหลายอย่าง แต่ก็มีข้อจำกัดบางประการ คือ ห้ามรับประทานอาหารเสริมผิวขาว วิตามินเอ ในปริมาณที่เกิน 10,000 ไมโครกรัมต่อวัน อาจเป็นอันตรายได้ โดยการได้รับวิตามินเอมากเกินไปอาจทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ ท้องเสีย ปวดศรีษะ ระคายเคืองผิวหนัง ปวดข้อ กระดูกบาง และตับอักเสบได้
การรับประทานอาหารเสริมผิวขาว วิตามินเอที่มากเกินไปอาจทำให้เกิดความพิการแต่กำเนิดได้ ดังนั้นจึงควรหลีกเลี่ยงการเสริมในระหว่างตั้งครรภ์ นอกจากนี้อาหารเสริมวิตามินเออาจเป็นอันตรายได้หากคุณกำลังรับประทานยาต้านการแข็งตัวของเลือด ยารักษาโรคมะเร็ง
วิตามินซี (Vitamin C)
วิตามินผิวขาว ปรับสีผิวให้กระจ่างใส
วิตามินซี (Vitamin C) คืออะไร
วิตามินซี หรืออาจเรียกว่ากรดแอสคอร์บิก และกรดแอล-แอสคอร์บิก เป็นวิตามินที่ร่างกายไม่สามารถผลิตขึ้นเองได้ วิธีเดียวที่จะได้รับคือรับประทานอาหารที่มีวิตามินซี หรืออาหารเสริมวิตามินซี ผลไม้รสเปรี้ยว เช่น ส้ม อุดมไปด้วยวิตามินซี และวิตามินซีมีหน้าที่สำคัญทั่วร่างกาย วิตามินซีเป็นหนึ่งสารอาหารที่จำเป็นในการซ่อมแซมเนื้อเยื่อและการผลิตเอนไซม์ต่างๆในร่างกาย
วิตามินซี (Vitamin C) ช่วยเรื่องผิวพรรณได้อย่างไร
วิตามินซีเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประโยชน์ต่อทุกสภาพผิว และเป็นหนึ่งในวิตามินผิวขาว อาหารเสริมผิวขาวที่ดีสำหรับผิวของคุณ มีประโยชน์มากมาย รวมถึงการช่วยต่อต้านริ้วรอยและฟื้นฟูความเสียหายที่เกิดขึ้นกับผิวของคุณด้วยรังสีจากแสงแดด
- อาหารเสริมผิวขาว วิตามินซีช่วยให้จุดด่างดำบนผิวกระจ่างใสขึ้น ทำงานโดยการยับยั้งเอนไซม์ที่รับผิดชอบในการผลิตเม็ดสี นั่นคือ เมลานิน โดยจุดด่างดำมักเกิดจากการผลิตเมลานินซึ่งเป็นเม็ดสี สีเข้มที่มากเกินไปในผิวของคุณ มีปัจจัยหลายอย่างที่ส่งผลให้ร่างกายมีการผลิตเมลานินส่วนเกิน ได้แก่ ความเสียหายจากแสงแดด การตั้งครรภ์ การใช้ยาบางชนิด หรือความชราภาพ
- ช่วยลดเลือนริ้วรอยแห่งวัย วิตามินซียังมีบทบาทสำคัญในการสร้างคอลลาเจน ซึ่งเป็นโปรตีนเส้นใยที่ช่วยในการสร้างเนื้อเยื่อเกี่ยวพันในผิวหนัง เมื่ออายุมากขึ้น การผลิตคอลลาเจนจะลดลง นี่คือสิ่งที่ทำให้ผิวสูญเสียความยืดหยุ่นและหย่อนคล้อย ในขณะที่ความชราของผิวเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ การใช้อาหารเสริมผิวขาวกระจ่างใส วิตามินซีทุกวันสามารถช่วยเพิ่มการผลิตคอลลาเจนและชะลอกระบวนการชราได้ การเพิ่มคอลลาเจนนี้จะช่วยกระชับผิวและลดเลือนริ้วรอยและรอยเหี่ยวย่น
- รังสีอัลตราไวโอเลต (UV) จากแสงแดดเป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญของการเสื่อมสภาพของเซลล์ผิว และความเสียหาย เมื่อแสงแดดกระทบผิวของคุณ จะก่อให้เกิดอนุมูลอิสระซึ่งนำไปสู่ความเสียหายต่อผิวหนัง วิตามินซีสามารถช่วยจำกัดความเสียหายนี้ได้เนื่องจากคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ นอกจากนี้วิตามินซี ช่วยป้องกันความเสียหายของเซลล์โดยการต่อต้านอนุมูลอิสระจากผลที่เป็นอันตราย เช่น การสูบบุหรี่อีกด้วย โดยวิตามินซีทำงานเพื่อจับอนุมูลอิสระเหล่านี้
- ลดรอยแดงและการอักเสบ ผิวหนังอาจเกิดรอยแดงและอักเสบได้จากหลายสาเหตุ เช่น สิว ความเสียหายจากแสงแดด สภาพผิว เช่น โรคผิวหนัง และปฏิกิริยาการแพ้ยาบางชนิด วิตามินผิวขาวใส วิตามินซีเป็นสารต้านการอักเสบซึ่งหมายความว่าช่วยลดการอักเสบและความแดงของผิวหนัง
- วิตามินซีช่วยสมานผิว โดยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนและอีลาสติน ช่วยเพิ่มการดูดซึมธาตุเหล็ก ซึ่งเป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อการสมานแผล
ต้องรับประทานวิตามินซี (Vitamin C) ในปริมาณเท่าใด
มีหลายการศึกษาสรุปว่า การเสริมอาหารเสริมผิวขาว วิตามินซีในปริมาณสูงจะทำให้ผิวกระจ่างใสขึ้น แต่อย่างไรก็ตามข้อเท็จจริงจากสถาบันสุขภาพแห่งชาติ ระบุว่า วิตามินซีสามารถดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดได้อย่างจำกัด ดังนั้นการรับประทานในปริมาณมากเกินไป ร่างกายก็ไม่สามารถดูดซึมวิตามินซีไปใช้ประโยชน์ได้
ปริมาณของวิตามินซีที่แนะนำสำหรับเป็นอาหารเสริมผิวขาวกระจ่างใสคือ 1,000 ถึง 3,000 มิลลิกรัม โดยแบ่งรับประทานเป็นปริมาณครั้งละ 500 มิลลิกรัม อย่างไรก็ตาม ไม่แนะนำให้รับประทานวิตามินซีมากกว่า 2,000 มิลลิกรัมต่อวัน
แหล่งอาหารตามธรรมชาติที่มีวิตามินซีสูง ได้แก่ ผักและผลไม้สดต่างๆ ผักที่พบมาก ได้แก่ ดอกกะหล่ำ กะปล่ำปม ขึ้นฉ่าย ต้นหอม ถั่วลันเตา ผลไม้ที่มีวิตามินซีมาก ได้แก่ เชอรี ส้มต่างๆ มะนาว ฝรั่ง มะขามป้อม มะขามเทศ มะละกอ ส้มโอ และสตรอเบอรี เป็นต้น
ผลข้างเคียง และข้อควรระวังในการใช้วิตามินซี (Vitamin C)
วิตามินซี ไม่สะสมในร่างกายจึงค่อนข้างปลอดภัยในการใช้ อาหารเสริมผิวขาววิตามินซี ส่วนเกินจะถูกขับออกทางปัสสาวะ จึงมีความเสี่ยงต่อความเป็นพิษต่ำ ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้เมื่อรับประทานในปริมาณที่สูงเกินไป ได้แก่ อาการคลื่นไส้ ปวดท้อง และท้องเสีย
วิตามินอี (Vitamin E)
เสริมด้วยอาหารเสริมผิวขาวกระจ่างใส ลดริ้วรอยแห่งวัยด้วยวิตามินอี
วิตามินอี (Vitamin E) คืออะไร
วิตามินอีเป็นสารอาหารที่ร่างกายไม่สามารถสร้างขึ้นเองได้ เป็นวิตามินที่ละลายในไขมัน มีฤทธิ์เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งหมายความว่าสามารถหยุดหรือยับยั้งความเสียหายที่เกิดจากอนุมูลอิสระต่อเซลล์ได้ และยังช่วยลดการอักเสบตามร่างกายอีกด้วย
วิตามินอี สามารถแบ่งได้ออกเป็น 2 ชนิด คือ
- โทโคฟีรอล เป็นวิตามินอีที่มีปริมาณมากที่สุดในร่างกาย
- โทโคไตรอีนอล
วิตามินอี (Vitamin E) ช่วยเรื่องผิวพรรณได้อย่างไร
วิตามินอีเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระซึ่งเป็นโมเลกุลที่ทำลาย DNA ในเซลล์ มีประโยชน์ต่อผิวมากมาย ได้แก่ จึงนิยมเป็นส่วนผสมในอาหารเสริมผิวขาวมากมาย
- ให้ความชุ่มชื้น โดยผลิตภัณฑ์ที่มีวิตามินอีสามารถให้ความชุ่มชื่นแก่ผิวได้
- ต่อสู้กับการทำลายผิวที่เกี่ยวข้องกับรังสียูวี วิตามินอีสามารถป้องกันความเสียหายของผิวหนังจากแสงแดด
- รักษาบาดแผล
- คุณสมบัติต้านการอักเสบ โดยการอักเสบคือปฏิกิริยาของร่างกายต่อการบาดเจ็บหรือการติดเชื้อ อาจทำให้เกิดอาการปวด เปลี่ยนสี และบวมได้ สภาพผิวทั่วไปหลายอย่างทำให้เกิดการอักเสบ รวมทั้งสิว
ต้องรับประทานวิตามินอี(Vitamin E) ในปริมาณเท่าใด
ส่วนใหญ่แล้ว ร่างกายมีความต้องการวิตามินอี 15 มิลลิกรัมต่อวัน ผู้ที่ให้นมบุตรอาจต้องการมากถึงประมาณ 19 มิลลิกรัม แต่อย่างไรก็ตามการรับประทานอาหารเสริมผิวขาววิตามินอี ควรอยู่ในความดูแลของแพทย์ และเภสัชกร และทำตามคำแนะนำบนบรรจุภัณฑ์และรับประทานตามปริมาณที่แนะนำต่อวันเท่านั้น
แหล่งอาหารตามธรรมชาติที่มีวิตามินอีสูงได้แก่ ไข่ พืช ผัก ผลไม้ อาหารจำพวกถั่ว นอกจากนี้ยังมีอยู่ในน้ำมัน เช่น น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันมะกอก น้ำมันดอกทานตะวัน เป็นต้น
ผลข้างเคียง และข้อควรระวังในการใช้วิตามินอี (Vitamin E)
โดยทั่วไปการเสริมอาหารเสริมผิวขาว วิตามินอีในช่วงเวลาสั้น ๆ นั้นปลอดภัย แต่การรับประทานวิตามินอีนานกว่า 1 ปีอาจทำให้วิตามินอีสะสมภายในร่างกายของคุณได้ วิตามินอีที่มากเกินไปอาจส่งผลให้จำนวนเกล็ดเลือดลดลงได้
และหากคุณทานยาละลายลิ่มเลือดหรือมีเลือดออกผิดปกติ ให้ปรึกษาแพทย์ก่อนเริ่มอาหารเสริมวิตามินอี
วิตามินดี (Vitamin D)
อาหารเสริม ผิวพรรณ เพื่อสุขภาพผิวที่ดี
วิตามินดี (Vitamin D) คืออะไร
วิตามินดีเป็นวิตามินที่ละลายในไขมันซึ่งจำเป็นสำหรับการทำงานที่ดีของเส้นผมและผิวหนังของเรา โดยส่วนมากเราจะรู้จักวิตามินดีกันในแง่ วิตามินดีช่วยส่งเสริมการดูดซึมแคลเซียมในลำไส้ ซึ่งหมายความว่าวิตามินดีจะช่วยป้องกันไม่ให้กระดูกของคุณบางและเปราะ และป้องกันโรคกระดูกพรุนได้ แต่อย่างไรก็ตามวิตามินดีมีประโยชน์มากกว่านั้น มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเซลล์ผิวหนัง ช่วยเรื่องสุขภาพผิวที่ดีอีกด้วย จึงมีการนำอาหารเสริมผิวขาว วิตามินดีมาใช้ประโยชน์ด้านผิวพรรณนั่นเอง
เนื่องจากวิตามินดีมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการทำงานตามปกติของผิวหนัง เห็นได้ชัดว่าการขาดวิตามินดีจะทำให้เกิดปัญหาผิวที่แตกต่างกัน ได้แก่ โรคผิวหนัง โรคสะเก็ดเงิน โรคด่างขาว มะเร็งผิวหนังบางชนิด สิวอักเสบ รวมไปถึงเส้นผมด้วย เช่น ศีรษะล้าน
วิตามินดี (Vitamin D) ช่วยเรื่องผิวพรรณได้อย่างไร
วิตามินดีมีบทบาทในการเจริญเติบโตตามปกติของผิวหนัง ระบบภูมิคุ้มกันของผิวหนัง การสมานแผล ระดับวิตามินดีที่ลดลงนั้นสัมพันธ์กับผิวแห้ง การรักษาบาดแผลล่าช้า โรคสะเก็ดเงิน และผมร่วงอีกด้วย หน้าที่ของวิตามินดี ที่มีประโยชน์ต่อผิวหนังได้แก่
- ปกป้องผิวหนัง โดยวิตามินดีควบคุมอายุของ Keratinocytes เซลล์ที่มีอยู่ในผิวหนัง เซลล์เหล่านี้เป็นตัวหลักที่ช่วยในการปกป้องร่างกายของคุณจากสิ่งแปลกปลอมภายนอก นอกจากนั้นยังช่วยล็อคความชุ่มชื้นเพื่อป้องกันไม่ให้ผิวแห้งกร้านอีกด้วย
- เสริมภูมิคุ้มกันสำหรับผิว ตามที่ได้กล่าวไปว่าผิวหนังเป็นอวัยวะที่ใหญ่ที่สุดและเป็นส่วนสำคัญของร่างกาย วิตามินดีเป็นกุญแจสำคัญในการพัฒนาของเซลล์มาโครฟาจและโมโนไซต์ เซลล์เม็ดเลือดขาว ที่ช่วยต่อสู้ ป้องกันสิ่งแปลกปลอมที่เข้ามาสู่ร่างกาย
- วิตามินดีมีผลต้านจุลชีพในผิวหนัง เมื่อใดก็ตามที่เชื้อโรคเข้าสู่ผิวของคุณ วิตามินดีจะกระตุ้นตัวรับบางตัวที่ฆ่าเชื้อจุลินทรีย์
- วิตามินดีมีความสำคัญต่อการทำงานของเซลล์ที่มีอยู่ในผิวหนัง โดยเฉพาะต่อมไขมัน การมีวิตามินดีในปริมาณที่เพียงพอจะช่วยควบคุมการทำงานของต่อมไขมันให้สร้างน้ำมันในปริมาณที่เหมาะสม
- วิตามินดีช่วยเพิ่มความทนทานของเซลล์และลดรอยแดงอันเนื่องมาจากแสงแดด และรังสียูวี
- สมานแผล วิตามินดีช่วยเพิ่มปริมาณโปรตีน ที่ทำหน้าที่ไปซ่อมแซมเนื้อเยื่อที่เสียหายและการฟื้นฟูผิวหนัง
ต้องรับประทานวิตามินดี (Vitamin D) ในปริมาณเท่าใด
แสงแดดมีบทบาทสำคัญในการช่วยให้ร่างกายของคุณสร้างวิตามินดี อย่างไรก็ตาม มีแหล่งอาหารหลายแห่งที่อุดมไปด้วยสารอาหารที่คุณสามารถรับประทานแทนได้ เช่น ไข่แดง ปลาบางชนิด ปลาแซลมอน ปลาซาร์ดีน ปลาทูน่า เนื่องจากการสัมผัสกับแสงแดดโดยไม่ได้รับการป้องกัน มักนำมากับความเสี่ยงของมะเร็งผิวหนัง
โดยปริมาณของอาหารเสริมผิวขาว วิตามินดีที่แนะนำสำหรับทุกคนที่มีอายุตั้งแต่ 1 ถึง 70 ปี ต้องการวิตามินดี 600 IU (10 ไมโครกรัม) ต่อวัน
โดยวิตามินดีมีอยู่ 2 รูปแบบ คือ
- Cholecalciferol หรือวิตามินดี 3 เป็นวิตามินดีชนิดหนึ่งที่สร้างขึ้นตามปกติในร่างกายของคุณเมื่อได้รับแสงแดด
- Ergocalciferol หรือวิตามินดี 2 เป็นวิตามินดีชนิดหนึ่งที่ได้จากจากพืช เช่นเห็ด
ผลข้างเคียง และข้อควรระวังในการใช้วิตามินดี (Vitamin D)
การเสริมอาหารเสริมผิวขาวใสด้วยวิตามินดีในปริมาณปกติมักไม่มีผลข้างเคียง แต่เมื่อได้รับวิตามินดีมากเกินไปอาจทำให้ระดับแคลเซียมสูง เป็นอันตรายได้ และอาจมีอาการเหล่านี้เกิดขึ้น ได้แก่ คลื่นไส้ อาเจียน ท้องผูก เบื่ออาหาร กระหายน้ำมากขึ้น ปัสสาวะเพิ่มขึ้น จิตใจหรืออารมณ์เปลี่ยนแปลง มีความเหนื่อยล้าผิดปกติ
วิตามินเค (Vitamin K)
วิตามินผิวขาวกระจ่างใส เสริมสร้างเกราะป้องกันผิวเพื่อสุขภาพผิวดี
วิตามินเค (Vitamin K) คืออะไร
วิตามินเคเป็นวิตามินที่ละลายในไขมัน เป็นวิตามินที่มีความสำคัญต่อการทำงานปกติของโปรตีนหลายชนิดภายในร่างกาย เช่น ปัจจัยการแข็งตัวของเลือด การควบคุมแคลเซียมในเลือด และสุขภาพของกระดูก
วิตามินเค (Vitamin K) ช่วยเรื่องผิวพรรณได้อย่างไร
วิตามินเคเป็นที่รู้จักกันในเบื้องต้นว่ามีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกระดูกและระบบหลอดเลือด อย่างไรก็ตาม เนื่องจากคุณสมบัติที่เป็นประโยชน์อีกมากมายของวิตามินนี้ เกี่ยวข้องกับผิวหนังด้วย รวมถึงประโยชน์ในการเป็นอาหารเสริมผิวขาว ได้แก่
- ป้องกันออกซิเดชัน พบว่าอาหารเสริมผิวขาว วิตามินเค ทำงานเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีศักยภาพ สารต้านอนุมูลอิสระได้รับการยอมรับว่าเป็นสารสำคัญในการส่งเสริมสุขภาพผิวที่สวยงามและมีสุขภาพดี เนื่องจากป้องกันอันตรายจากอนุมูลอิสระ ที่เกิดจากการสัมผัสกับควัน มลภาวะในสิ่งแวดล้อม และรังสีที่เป็นอันตรายจากแสงแดด
- นอกเหนือจากคุณสมบัติในการต้านอนุมูลอิสระแล้ว วิตามินเคยังพบว่ามีส่วนร่วมในการสร้างเนื้อเยื่อใหม่และควบคุมการเจริญเติบโตของเซลล์ วิตามินเคจึงมีความสำคัญในการรักษาผิวที่นุ่มนวล เปล่งปลั่ง และดูอ่อนกว่าวัยโดยวิตามินเคช่วยให้ร่างกายของคุณผลิตเซลล์ผิวใหม่ เป็นอาหารเสริมผิวขาว กระจ่างใสได้
- ลดริ้วรอยแห่งวัย เช่น ริ้วรอยและจุดด่างดำ ซึ่งอาจเกิดจากปัจจัยแวดล้อม อายุที่เพิ่มขึ้น หนึ่งในประโยชน์ของวิตามินเคสำหรับผิวคือการช่วยลดเลือนริ้วรอยและรอยเหี่ยวย่น เนื่องจากริ้วรอยและร่องลึกมีสาเหตุหลักมาจากการผลิตคอลลาเจนและอีลาสตินที่ลดลง คอลลาเจนและอีลาสตินมีความสำคัญในการรักษาความยืดหยุ่นของผิวหรือความสามารถในการยืดตัวของผิว เมื่อคุณขาดสิ่งเหล่านี้ ผิวของคุณจะสูญเสียความสามารถในการยืดหยุ่น ส่งผลให้เกิดริ้วรอยและรอยเหี่ยวย่น วิตามินเคช่วยปกป้องคอลลาเจนในร่างกาย เมื่อรักษาการผลิตคอลลาเจนไว้ ผิวของคุณจะดูอิ่มเอิบ เรียบเนียน และอ่อนเยาว์มากขึ้น เป็นอาหารเสริมผิวขาว ลดริ้วรอย
- กําจัดรอยคล้ำใต้ตา โดยผิวบริเวณรอบดวงตา บอบบางเป็นพิเศษเพราะมีความบางมาก รอยคล้ำใต้เปลือกตามักเกิดขึ้นเนื่องจากความเปราะบางของหลอดเลือด เมื่อหลอดเลือดแตก เลือดจะรั่วไหลไปยังผิวหนังโดยรอบ ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนสีในที่สุด การนอนหลับไม่เพียงพอ การขยี้ตา อาการบวม และปัจจัยทางพันธุกรรมล้วนมีบทบาททำให้เกิดรอยคล้ำได้ วิตามินเคมีคุณสมบัติต่อต้านการแข็งตัวของเลือด จึงอาจมีประสิทธิภาพในการป้องกันต้นเหตุของรอยคล้ำใต้ตา
- เร่งการรักษาบาดแผล โดยอาหารเสริมผิวขาว วิตามินเคมีความสามารถในการลดความรุนแรงของรอยฟกช้ำ และช่วยสมานแผลได้ นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติต้านการอักเสบ ช่วยในการลดอาการผิวหนังอักเสบ เช่นโรคกลากและโรคสะเก็ดเงิน
ต้องรับประทานวิตามินเค (Vitamin K) ในปริมาณเท่าใด
โดยปริมาณอาหารเสริมผิวขาววิตามินเคที่ควรรับประทาน ในผู้ใหญ่ เพศชาย อายุตั้งแต่ 19 ปีขึ้นไปคือ 120 ไมโครกรัมต่อวัน ในเพศหญิง อายุตั้งแต่ 19 ปีขึ้นไปคือ 90 ไมโครกรัมต่อวัน
วิตามินเค 1 มีปริมาณมากในผักใบเขียว เช่น คะน้าและสวิสชาร์ด แหล่งอื่นๆ ได้แก่ น้ำมันพืช น้ำมันมะกอก น้ำมันถั่วเหลือง และน้ำมันคาโนลา และผลไม้บางชนิด ส่วนวิตามินเค 2 พบมากใน เนื้อสัตว์ ผลิตภัณฑ์จากนม ไข่ และ "นัตโตะ" ของญี่ปุ่นที่ทำจากถั่วเหลืองหมัก
ผลข้างเคียง และข้อควรระวังในการใช้วิตามินเค (Vitamin K)
อาหารเสริมผิวขาว วิตามินเคสามารถเกิดปฎิกิริยากับยาอื่นๆได้หลายชนิด เช่น วาร์ฟาริน ที่ใช้เพื่อป้องกันลิ่มเลือดอุดที่ทำงานโดยการลดหรือชะลอความสามารถในการจับตัวเป็นลิ่มของเลือด ดังนั้นการเพิ่มหรือลดปริมาณวิตามินเคอย่างกะทันหันอาจรบกวนผลของยาเหล่านี้
ซิงค์ (Zinc)
แร่ธาตุจำเป็น อาหารเสริม ผิวพรรณสุขภาพดี
ซิงค์ (Zinc) คืออะไร
สังกะสีเป็นแร่ธาตุที่จำเป็นต่อการทำงานของร่างกาย รวมถึงการเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน การรักษาบาดแผล ช่วยในการสังเคราะห์และการเจริญเติบโตของ DNA โปรตีน และพัฒนาการของเด็ก เนื่องจากสังกะสีไม่สามารถเก็บไว้ในร่างกายได้เป็นเวลานาน การรับประทานซิงค์ให้เพียงพอในแต่ละวันจึงมีความสำคัญต่อสุขภาพโดยรวม และที่น่าสนใจ คือ ชั้นบนสุดของผิวของเรามีสังกะสีมากกว่าชั้นอื่นๆ ดังนั้นเสริมแร่ธาตุอย่างเพียงพอมีผลต่อการเจริญเติบโตของเซลล์ผิวใหม่ เป็นอาหารเสริมผิวขาวกระจ่างใสที่ดี
ซิงค์ (Zinc) ช่วยเรื่องผิวพรรณได้อย่างไร
ประโยชน์ของอาหารเสริมผิวขาว ซิงค์ สำหรับผิวพรรณมีมากมาย ได้แก่
- รักษารอยโรคและสิว สังกะสีทำงานร่วมกับวิตามินและแร่ธาตุอื่นๆ เพื่อช่วยรักษาแผลที่ผิวหนัง สามารถลดความรุนแรงของสิวและสัญญาณเริ่มต้นของริ้วรอยต่างๆได้
- ช่วยป้องกันรังสี UV คุณสมบัติของสังกะสี สามารถสะท้อนแสงอาทิตย์และสร้างเกราะป้องกันระหว่างผิวหนังกับรังสียูวีได้ เป็นอาหารเสริมผิวขาว ป้องกันจุดด่างดำที่เกิดจากแสงแดดได้
- มีคุณสมบัติต้านแบคทีเรีย
- อาหารเสริมผิวขาว ซิงค์ ช่วยในการสังเคราะห์คอลลาเจน เนื่องจากสังกะสีทำหน้าที่เป็นโคแฟกเตอร์ของเอนไซม์ จึงช่วยในการสังเคราะห์คอลลาเจนและซ่อมแซมดีเอ็นเอ ซึ่งสามารถช่วยให้ผิวดูอ่อนเยาว์และมีสุขภาพดีขึ้น
ต้องรับประทานซิงค์ (Zinc) ในปริมาณเท่าใด
โดยปกติแล้วร่างกายไม่สามารถสร้างซิงค์ขึ้นเองได้ จำเป็นต้องได้รับจากอาหาร โดยเฉลี่ยควรได้รับในปริมาณ 15 มิลลิกรัมต่อวัน เนื่องจากร่างกายของเราไม่ต้องการแร่ธาตุนี้ในปริมาณมากนัก ดังนั้น การรับประทานอาหารที่มีสังกะสีสูงก็เพียงพอในการป้องกันการขาดธาตุซิงค์แล้ว และการเสริมสังกะสี ไม่น่าจะช่วยปรับปรุงผิวของคุณ แต่การได้รับไม่เพียงพออาจทำให้เกิดปัญหาเช่นสิว กลาก และโรคผิวหนังได้อย่างแน่นอน
แหล่งอาหารที่มีปริมาณซิงค์สูงได้แก่ อาหารทะเล หอยนางรม เมล็ดทานตะวัน เห็ด เนื้อหมู ไข่ ข้าวกล้อง ถั่วลิสง ปลา จมูกข้าวสาลี แป้งงา เมล็ดฝักทอง ธัญพืช เครื่องเทศ ผักโขม เป็นต้น
ผลข้างเคียง และข้อควรระวังในการใช้ซิงค์ (Zinc)
หากได้รับอาหารเสริมผิวขาว ซิงค์มากเกินไป อาจทำให้เกิดอาการต่างๆ เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง และปวดหัว สังกะสีมากเกินไปอาจทำให้ระดับทองแดงต่ำและการตอบสนองภูมิคุ้มกันอ่อนแอ ดังนั้น จึงควรระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง การรับประทานอาหารเสริมมากเกินไปอาจทำให้เกิดปัญหาร้ายแรงได้ โดยปกติทั่วไปไม่ควรได้รับสังกะสีเกิน 40 มิลลิกรัมต่อวัน
ซีลิเนียม (Selenium)
อาหารเสริมผิวขาวด้วยคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ
ซีลิเนียม (Selenium) คืออะไร
ซีลีเนียมเป็นสารอาหารที่มีบทบาทสำคัญในการควบคุมสมดุลของการเผาผลาญ ฮอร์โมนไทรอยด์ และการสังเคราะห์ DNA นอกจากนี้ยังช่วยปกป้องร่างกายจากความเสียหายที่เกิดจากออกซิเดชันและการติดเชื้อ โดยปกติแล้ว ร่างกายจะเก็บซีลีเนียมบางส่วนไว้ในเนื้อเยื่อ เช่นในกล้ามเนื้อเป็นต้น
ซีลิเนียม (Selenium) ช่วยเรื่องผิวพรรณได้อย่างไร
ซีลีเนียมมีอยู่ในเซลล์ของผิวหนัง และเป็นส่วนประกอบของโปรตีนหลายชนิด ที่เป็นเอนไซม์ต้านอนุมูลอิสระ จึงช่วยปกป้องเซลล์ผิวจากผลร้ายที่เกิดจากอนุมูลอิสระและ UV จากแสงแดดได้ โดยซีลีเนียมทำงานโดยการไปเพิ่มการทำงานของเอนไซม์ต้านอนุมูลอิสระนั่นเอง
ต้องรับประทานซีลิเนียม (Selenium) ในปริมาณเท่าใด
ปริมาณซีลีเนียมที่คุณควรได้รับจากอาหารและจากอาหารเสริมผิวขาว คือ 55 ไมโครกรัมต่อวันสำหรับผู้ใหญ่ ในระหว่างตั้งครรภ์ ควรรับประทานได้มากถึง 60 ไมโครกรัม และขณะให้นมบุตร ควรรับประทาน 70 ไมโครกรัมต่อวัน ปริมาณสูงสุดสำหรับซีลีเนียมคือ 400 ไมโครกรัมต่อวันในผู้ใหญ่
แหล่งอาหารตามธรรมชาติที่มีซีลีเนียม ได้แก่ ถั่ว เช่น วอลนัท ปลาน้ำจืดและน้ำเค็มหลายชนิด เช่น ปลาทูน่า ปลาคอด ปลากะพงแดง และปลาเฮอริ่ง เนื้อวัวและสัตว์ปีก รวมถึงธัญพืช
ผลข้างเคียง และข้อควรระวังในการใช้ซีลิเนียม (Selenium)
แม้ว่าซีลีเนียมจะจำเป็นสำหรับสุขภาพ แต่การได้รับมากเกินไปอาจเป็นอันตรายได้ โดยห้ามรับประทานเกินขีดจำกัดที่ยอมรับได้ที่ 400 ไมโครกรัมต่อวัน
สัญญาณของความเป็นพิษของซีลีเนียม ได้แก่
- ผมร่วง
- อาการวิงเวียนศีรษะ
- คลื่นไส้
- อาเจียน
- หน้าแดง
- แรงสั่นสะเทือน
- ปวดกล้ามเนื้อ
ในกรณีที่รุนแรง สามารถนำไปสู่อาการทางลำไส้และระบบประสาทที่ร้ายแรง หัวใจวาย ไตวาย และเสียชีวิต ได้
อาหารเสริมผิวขาว ซีลีเนียมอาจเกิดปฏิกิริยากับยาและอาหารเสริมอื่นๆ เช่น ยาลดกรด ยาเคมีบำบัด คอร์ติโคสเตียรอยด์ ไนอาซิน ยาสแตตินที่ลดคอเลสเตอรอล และยาคุมกำเนิด
นอกจากนี้ อาหารเสริมผิวขาว ซีลีเนียมอาจสัมพันธ์กับความเสี่ยงของมะเร็งผิวหนัง ดังนั้นผู้ที่มีความเสี่ยงสูงต่อมะเร็งผิวหนังจึงไม่ควรทานอาหารเสริมเหล่านี้
กลูตาไธโอน (Glutathione)
กลูต้าผิวขาว อาหารเสริมเพื่อผิวขาว กระจ่างใส
กลูตาไธโอน (Glutathione) คืออะไร
กลูตาไธโอน เป็นโมเลกุลที่พบตามธรรมชาติในร่างกายของคุณ ผลิตโดยตับและเซลล์ประสาทในระบบประสาทส่วนกลาง กลูตาไธโอนประกอบด้วยกรดอะมิโน 3 ชนิด ได้แก่ แอล-ซิสเทอีน L-cysteine, ไกลซีน glycine, และแอล-กลูตาเมต L-glutamate
กลูตาไธโอนเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งอนุมูลอิสระเป็นโมเลกุลที่ไม่เสถียรที่ก่อตัวขึ้นจากปัจจัยต่างๆ เช่น อาหารและสิ่งแวดล้อม เมื่อมีอนุมูลอิสระมากกว่าสารต้านอนุมูลอิสระ จึงเกิดความเสียหายของเซลล์ขึ้น ซึ่งนำไปสู่การอักเสบและปัญหาสุขภาพตั้งแต่ความดันโลหิตสูงและโรคเบาหวานไปจนถึงโรคอัลไซเมอร์และอื่น ๆ
สารต้านอนุมูลอิสระมีความสำคัญเนื่องจากช่วยรักษาสมดุลของร่างกาย
- เมแทบอลิซึมของสารพิษและสารที่ก่อให้เกิดมะเร็ง
- การสร้างและซ่อมแซม DNA ตามธรรมชาติ
- การผลิตโปรตีนและพรอสตาแกลนดิน ซึ่งเป็นสารประกอบที่ออกฤทธิ์คล้ายฮอร์โมน
- การกระตุ้นเอนไซม์
- กลูตาไธโอนยังช่วยในการสลายสารอาหารและควบคุมกระบวนการที่สำคัญของร่างกาย เช่น การตอบสนองของภูมิคุ้มกัน
กลูตาไธโอน (Glutathione) ช่วยเรื่องผิวพรรณได้อย่างไร
อาหารเสริมผิวขาว กลูตาไธโอนช่วยลดความเครียดจากปฏิกิริยาออกซิเดชันในร่างกาย จึงมีประโยชน์ต่อผิวพรรณ กลูต้าผิวขาว มีปะโยชน์ได้แก่
- สีผิวสว่างขึ้น
- สีผิวสม่ำเสมอ จุดด่างดำจางลง ลดเลือนจุดด่างดำ
- หลุมสิวตื้นขึ้น
ต้องรับประทานกลูตาไธโอน (Glutathione) ในปริมาณเท่าใด
มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ไม่เพียงพอที่จะกำหนดปริมาณ กลูต้าผิวขาว ที่เหมาะสม ปริมาณที่เหมาะสมสำหรับคุณอาจขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ รวมถึงอายุ เพศ และประวัติทางการแพทย์ ดังนั้นหากคุณกำลังพิจารณาการใช้กลูตาไธโอน ควรปรึกษาผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพก่อน
อาหารเสริมผิวขาว กลูตาไธโอนพบได้ง่ายในอาหารบางชนิด เช่น ผัก ผลไม้ พบว่าผลิตภัณฑ์จากนม ซีเรียล และขนมปังมักมี กลูตาไธโอน ต่ำ เนื้อสัตว์และผักมี กลูต้าผิวขาว ในระดับปานกลางถึงสูงและเนื้อสัตว์ที่ปรุงสดใหม่มีกลูต้าค่อนข้างสูง
ผลข้างเคียง และข้อควรระวังในการใช้กลูตาไธโอน (Glutathione)
เนื่องจากยังมีการวิจัยน้อย จึงไม่ค่อยทราบเกี่ยวกับผลข้างเคียงของการใช้ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมผิวขาว กลูตาไธโอนมากนัก อย่างไรก็ตาม มีความกังวลว่าการใช้ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมผิวขาว กลูตาไธโอนอาจทำให้เป็นตะคริวและท้องอืดได้ นอกจากนี้ บางคนอาจมีอาการแพ้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารกลูตาไธโอน เช่น เป็นผื่น
คอลลาเจน (Collagen)
อาหารเสริมผิวขาว ที่เป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย
คอลลาเจน (Collagen) คืออะไร
คอลลาเจนเป็นโปรตีนที่มีมากที่สุดในร่างกายของคุณ โดยคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 1 ใน 3 ขององค์ประกอบโปรตีนในร่างกาย เป็นส่วนประกอบสำคัญของกระดูก ผิวหนัง กล้ามเนื้อ เส้นเอ็น และเอ็น คอลลาเจนยังพบได้ในส่วนอื่นๆ ของร่างกาย เช่น หลอดเลือด กระจกตา และฟันอีกด้วย
คอลลาเจน (Collagen) ช่วยเรื่องผิวพรรณได้อย่างไร
อาหารเสริมผิวขาวด้วยคอลลาเจน ช่วยเรื่องความยืดหยุ่นของผิว ผู้หญิงที่ทานอาหารเสริมพบว่าลักษณะผิวและความยืดหยุ่นดีขึ้นในการศึกษาปี 2019 คอลลาเจนยังใช้ในการรักษาเฉพาะที่เพื่อปรับปรุงลักษณะที่ปรากฏของผิวโดยการลดริ้วรอยและรอยเหี่ยวย่น
ต้องรับประทานคอลลาเจน (Collagen) ในปริมาณเท่าใด
คอลลาเจนพบได้ในเนื้อเยื่อเกี่ยวพันของสัตว์ เช่น พบมากในหนังไก่และหมู อย่างไรก็ตาม มีการถกเถียงกันว่าการรับประทานอาหารที่อุดมด้วยคอลลาเจนจะเพิ่มระดับของโปรตีนในร่างกายของคุณจริงหรือไม่ คำตอบคือ เมื่อคุณกินโปรตีน โปรตีนจะแตกตัวเป็นกรดอะมิโน ถึงจะสามารถดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดได้ และอีก 1 ปัญหาคือสิ่งที่เรากินเข้าไปส่วนใหญ่ถูกทำลายโดยกรดในกระเพาะอาหาร ดังนั้นมันไม่ชัดเจนว่าเราดูดซึมคอลลาเจนที่กินเข้าไปได้หรือไม่ หรือทั้งหมดจะถูกทำลายลงในกระเพาะอาหารโดยสิ้นเชิง
อย่างไรก็ตามมีวิตามินหลายชนิด ที่พิสูจน์แล้วว่าสามารถส่งเสริมการเพิ่มคอลลาเจนในผิวหนังได้ เช่น วิตามินเอ และวิตามินซี เป็นอาหารเสริมผิวขาวที่มีข้อมูลงานวิจัยรองรับ เป็นต้น
ผลข้างเคียง และข้อควรระวังในการใช้คอลลาเจน (Collagen)
จนถึงปัจจุบัน มีข้อมูลอย่างจำกัดเกี่ยวกับความปลอดภัยและประสิทธิภาพของอาหารเสริมผิวขาว คอลลาเจน ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นจากผลิตภัณฑ์อาหารเสริมผิวขาว คอลลาเจน ได้แก่ อาการเสียดท้อง และอาการแพ้ เป็นต้น
กรดไขมัน (Fatty Acids)
อาหารเสริมผิวขาว สุขภาพดีด้วยโอเมก้า 3
กรดไขมัน (Fatty Acids) คืออะไร
กรดไขมันโอเมก้า 3 เป็นสารอาหารที่จำเป็นที่พบในอาหารบางชนิด ทำหน้าที่ควบคุมการผลิตน้ำมันของผิว ควบคุมความชุ่มชื้น ปราบสิว และลดสัญญาณของริ้วรอย โอเมก้า 3 ยังสามารถช่วยให้ผิวที่หยาบกร้านและแห้งนุ่มขึ้น และมีผลผ่อนคลายต่อการระคายเคืองและโรคผิวหนัง
นอกจากนี้ การวิจัยแสดงให้เห็นว่าการรับประทานกรดไขมันเป็นประจำอาจช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันของผิวต่อความเสียหายจากรังสียูวีและมะเร็งผิวหนังได้
กรดไขมัน (Fatty Acids) ช่วยเรื่องผิวพรรณได้อย่างไร
การได้รับอาหารเสริมผิวขาว โอเมก้า 3 ผ่านทางอาหารเสริมน้ำมันปลาหรืออาหารอื่นๆ สามารถปรับปรุงองค์ประกอบของกรดไขมันในผิวหนังและปรับสมดุลการตอบสนองต่อการอักเสบ ทำให้ ผิวนุ่มขึ้นและอักเสบน้อยลง
การรักษาระดับกรดไขมันของคุณ ยังช่วยลดผลกระทบของการทำลายจากแสงแดดและปรับปรุงสภาพผิวที่บอบบางด้วย
ต้องรับประทานกรดไขมัน (Fatty Acids) ในปริมาณเท่าใด
ไม่มีคำแนะนำที่แน่นอนสำหรับปริมาณอาหารเสริมผิวขาว โอเมก้า 3 ที่คุณต้องการ อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพแนะนำให้ผู้ใหญ่รับประทาน 500 มิลลิกรัมต่อวัน หรือเทียบเท่ากับปลาที่มีไขมัน 2 มื้อต่อสัปดาห์
การเสริมอาหารเสริมผิวขาว โอเมก้า 3 มีความเข้าใจผิดที่พบบ่อยที่สุดประการหนึ่งคือปลาทุกชนิดเป็นแหล่งโอเมก้า 3 ที่ดี ในความเป็นจริง ปลาต่าง ๆ มีระดับสารอาหารต่างกัน เนื่องจากปลาแต่ละมักถูกเลี้ยงในสภาพที่แตกต่างกัน เป็นการดีที่สุดที่จะเลือกรับประทานปลาที่มีขนาดเล็กกว่า ซึ่งมีโอกาสน้อยที่จะมีปรอทในปริมาณสูง หรือสามารถเลือกเสริมอาหารด้วยน้ำมันปลาคุณภาพสูงก็ได้
ผลข้างเคียง และข้อควรระวังในการใช้กรดไขมัน (Fatty Acids)
อาหารเสริมผิวขาว กรดไขมัน มีความปลอดภัยค่อนข้างสูง ในผู้ที่แพ้อาหาร เช่น ปลา ไม่แนะนำให้รับประทานน้ำมันปลา แม้ว่าปลาเป็นแหล่งอาหารที่ดีที่สุดของกรดไขมันโอเมก้า 3 แต่พืชหลายชนิดมี alpha-linolenic ALA ได้แก่ เมล็ดแฟลกซ์บดหรือบด น้ำมันเมล็ดแฟลกซ์ เมล็ดเจีย วอลนัท อาหารจากถั่วเหลือง และน้ำมันคาโนลา แหล่ง ALA อีกแหล่งหนึ่งคือสาหร่ายหรือน้ำมันจากสาหร่าย นี่เป็นตัวเลือกสำหรับผู้ทานมังสวิรัติที่ไม่กินปลา