วัคซีนไข้หวัดใหญ่ (Influenza vaccine) เป็นวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ โดยโรคไข้หวัดใหญ่ (Flu) เป็นโรคติดเชื้อชนิดหนึ่งที่มีการระบาดได้ตลอดทั้งปี ระบาดมากในช่วงหน้าฝนและหน้าหนาว ไข้หวัดใหญ่ อาการจะคล้ายกับไข้หวัดธรรมดาแต่รุนแรงกว่า ได้แก่ ไข้สูง หนาวสั่น ไอ เจ็บคอ คัดจมูก น้ำมูกไหล ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อตามร่างกาย อ่อนเพลีย ปวดศีรษะ บางคนอาจมีอาการอาเจียนหรือถ่ายเหลวได้ ซึ่งจะพบได้มากในเด็ก ส่วนผู้สูงอายุ อาจมีอาการซึมสับสนได้ การฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่จะช่วยลดความรุนแรงของโรคได้ ซึ่งมีคำถามมากมายที่หลายคนสงสัย เช่น วัคซีนไข้หวัดใหญ่ ต้องฉีดทุกปีไหม อยู่ได้นานแค่ไหน คนท้องฉีดได้หรือไม่ ในบทความนี้ เรารวบรวม 10 น่ารู้ของวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ที่จะตอบคำถามที่หลายๆ คนสงสัย มาติดตามกันได้เลย
สารบัญเนื้อหา
1.ไข้หวัดใหญ่ สามารถหายเองได้ ไม่จำเป็นต้องได้รับยาฆ่าเชื้อไวรัส
ถ้าหากคุณเคยเป็นไข้หวัดใหญ่ เมื่อไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาล คุณอาจจะได้ยาฆ่าเชื้อไข้หวัดใหญ่มารับประทาน แต่จริงๆแล้วผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ส่วนใหญ่ที่มีอาการไม่รุนแรงสามารถหายเองได้ ไม่จำเป็นต้องได้รับยาฆ่าเชื้อไวรัส โดยจะมีอาการประมาณ 2-8 วัน แล้วจะดีขึ้นเอง อย่างไรก็ตาม ไข้หวัดใหญ่สามารถทำให้เกิดปอดบวม เชื้อลงปอด ติดเชื้อในกระแสเลือดได้ ซึ่งเป็นลักษณะอาการที่รุนแรง อาจทำให้เกิดภาวะหายใจล้มเหลวและเสียชีวิตได้ จำเป็นต้องได้รับยารักษาและนอนโรงพยาบาล นอกจากนี้ในบุคคลกลุ่มเสี่ยงที่จะเกิดอาการรุนแรง ได้แก่ เด็กอายุน้อยกว่า 2 ปี ผู้สูงอายุที่อายุมากกว่า 65 ปี มีโรคประจำตัวเช่นโรคหัวใจ โรคปอด เบาหวาน ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ คนท้อง คนอ้วน และผู้ที่อยู่ในศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ จำเป็นต้องได้รับยาฆ่าเชื้อไวรัสภายใน 48 ชั่วโมงตั้งแต่เริ่มมีอาการ
Oseltamivir หนึ่งในยาฆ่าเชื้อไวรัสที่ใช้รักษาไข้หวัดใหญ่
2.ไข้หวัดใหญ่มี 4 สายพันธุ์ คือ สายพันธุ์ A B C และ D
เชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ หรือไวรัสอินฟลูอินซ่า (Influenza virus) เป็นไวรัส RNA สายเดียว อยู่ในตระกูล orthomyxovirus มีทั้งหมด 4 สายพันธุ์ ได้แก่ A B C และ D โดยสายพันธุ์ A และ B เป็นสายพันธุ์ที่ทำให้เกิดการระบาดไปทั่ว และทำให้เกิดอาการรุนแรงได้ สายพันธุ์ C ทำให้เกิดอาการเพียงเล็กน้อย แต่ไม่ทำให้เกิดการระบาดไปทั่ว ส่วนสายพันธุ์ D ยังไม่มีรายงานที่ทำให้เกิดโรคในมนุษย์
เชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ A (Influenza A) เป็นสายพันธุ์ที่มีความสำคัญ เพราะสามารถติดเชื้อในสัตว์ และทำให้เกิดการระบาดใหญ่ไปทั่วโลกได้ เช่น ไข้หวัดใหญ่สเปน ปี 1918 หรือการระบาดของไข้หวัดใหญ่ (ไข้หวัดหมู) ปี 2009 นอกจากนี้ ไข้หวัดนกที่เคยระบาดในประเทศไทยปี 2004 ก็เป็นเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ A เช่นกัน โดยไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A สามารถแบ่งสายพันธุ์ย่อยได้อีกตามชนิดโปรตีนของไวรัส คือ Haemagglutinin (H) และ Neuraminidase (N) โดย Haemagglutinin มี 18 ชนิด ส่วน Neuraminidase มี 11 ชนิด แต่ชนิดที่สำคัญที่ทำให้เกิดการติดเชื้อในมนุษย์มีเพียงไม่กี่ชนิด เช่น H1N1 ที่ทำให้เกิดไข้หวัดใหญ่สเปน และไข้หวัดหมู 2009 H3N2 เป็นสายพันธุ์ที่หมุนเวียนมาระบาดอยู่เรื่อย ๆ H5N1 ที่ทำให้เกิดไข้หวัดนก เป็นต้น
เชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ B (Influenza B) เป็นสายพันธุ์ที่มีความสำคัญรองลงมา ตรวจพบเจอน้อยกว่าสายพันธุ์ A แต่เกือบทั้งหมดพบว่าติดเชื้อเฉพาะในมนุษย์ สายพันธุ์ B มี 2 สายพันธุ์ย่อยได้แก่ B/Yamagata และ B/Victoria
รูปจำลองเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ (Influenza virus)
3.วัคซีนไข้หวัดใหญ่ 4 สายพันธุ์ ครอบคลุมแค่เชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A และ B
หลาย ๆ คนอาจเข้าใจผิดว่าการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ 4 สายพันธุ์ จะครอบคลุม A B C และ D แต่จริง ๆ แล้วสามารถป้องกันได้แค่ A และ B แต่ที่ 4 สายพันธุ์ คือ สายพันธุ์ย่อยของสายพันธุ์ A 2 สายพันธุ์ และ B 2 สายพันธุ์ อย่างเช่น วัคซีนไข้หวัดใหญ่ 4 สายพันธุ์ 2020 – 2021 จะกระตุ้นภูมิคุ้มกันต่อเชื้อสายพันธุ์ A H1N1, H3N2 และ สายพันธุ์ B/Yamagata และ B/Victoria ส่วนวัคซีนไข้หวัดใหญ่ 3 สายพันธุ์ จะประกอบไปด้วยสายพันธุ์ A H1N1, H3N2 และ สายพันธุ์ B 1 สายพันธุ์
วิธีการเลือกสายพันธุ์ที่จะมาทำวัคซีนไข้หวัดใหญ่ มีอะไรบ้างนั้น จะทำโดยองค์การอนามัยโลก ซึ่งนำข้อมูลมาจาก Global Influenza Surveillance and Response System (GISRS) ที่รวบรวมข้อมูลการระบาดของไข้หวัดใหญ่จากทั่วโลก มาวิเคราะห์สายพันธุ์ที่มีโอกาสระบาดได้ในอนาคต มาทำเป็นวัคซีนป้องกันในปีต่อๆไปทุกปี
การเลือกสายพันธุ์จะดูข้อมูลการระบาดของไข้หวัดใหญ่ทั่วโลก มาทำเป็นวัคซีนในทุก ๆ ปี
4.นอกจากการฉีดเข้ากล้ามเนื้อ วัคซีนไข้หวัดใหญ่มีแบบชนิดพ่นจมูกด้วย
วัคซีนไข้หวัดใหญ่ มี 2 ประเภท คือวัคซีนเชื้อตาย และวัคซีนเชื้อเป็น โดยวัคซีนเชื้อตายจะใช้วิธีการฉีดเข้ากล้ามเนื้อเพื่อกระตุ้นภูมิ ส่วนวัคซีนเชื้อเป็นจะใช้วิธีการพ่นจมูก
วัคซีนเชื้อตาย เป็นวัคซีนที่มีมาอย่างยาวนาน มีการศึกษาว่าปลอดภัย สามารถกระตุ้นภูมิได้ดี สามารถฉีดได้ตั้งแต่อายุ 6 เดือนเป็นต้นไป รวมไปถึงคนท้อง และคนที่มีโรคประจำตัวอื่น ๆ การฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ฉีดกี่เข็มในเด็กนั้น พบว่า ถ้าในเด็กน้อยกว่า 9 ปี การฉีดวัคซีนครั้งแรกต้องฉีด 2 เข็ม ห่างกัน 1 เดือนเพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกัน ครั้งต่อ ๆ ไปจะฉีดแค่ 1 เข็มทุกปี ซึ่งการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ผลข้างเคียงที่พบบ่อยคือ ปวดบวมแดงบริเวณที่ฉีด อาจมีไข้ ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามร่างกายได้
วัคซีนเชื้อเป็น เป็นวัคซีนที่พัฒนาภายหลัง เชื้อที่ถูกเพาะมาในไข่ไก่จะถูกทำให้อ่อนแอลง ทำให้ร่างกายสามารถกำจัดเชื้อและสร้างภูมิคุ้มกันได้ ซึ่งออกแบบมาให้สะดวกมากขึ้นแค่พ่นจมูก สามารถใช้ได้ตั้งแต่อายุ 2 – 49 ปี ห้ามใช้ในคนที่แพ้ไข่ไก่ คนท้องและคนที่มีโรคประจำตัว โดยผลข้างเคียงอาจมีไข้ เจ็บคอ น้ำมูก และคัดจมูกได้
การพ่นวัคซีนทางจมูกเป็นวัคซีนเชื้อเป็น ใช้ได้ในคนที่แข็งแรง อายุไม่มาก
5. คนที่แพ้ไข่ไก่ก็สามารถฉีดวัคซีนได้ เพราะมีวัคซีนที่ไม่ได้เพาะเลี้ยงจากไข่ไก่
วัคซีนเชื้อตาย มีการพัฒนามาอย่างยาวนาน โดยแรกเริ่มนั้นใช้วิธีการเพาะเลี้ยงเชื้อในไข่ไก่ ดังนั้น คนที่แพ้ไข่ไก่ไม่สามารถฉีดได้ ยี่ห้อของวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ราคาแต่ละยี่ห้อก็จะแตกต่างกัน ซึ่งแบบเพาะเชื้อจากไข่ไก่มีหลากหลายยี่ห้อ เช่น Afluria Quadrivalent, Fluarix Quadrivalent, FluLaval Quadrivalent, Fluzone Quadrivalent เป็นต้น
ต่อมามีการพัฒนาวัคซีนให้ดียิ่งขึ้น โดยใช้เทคโนโลยีเซลล์เพาะเลี้ยง (Cell-based technology) ซึ่งเป็นการเพิ่มจำนวนไวรัสในเซลล์ชนิดต่างๆ เช่น เซลล์จากไตของสุนัขและลิง ดังนั้น คนที่แพ้ไข่ไก่ สามารถฉีดวัคซีนชนิดนี้ได้ ยี่ห้อของวัคซีนจากเทคโนโลยีเซลล์เพาะเลี้ยง ได้แก่ Flucelvax Quadrivalent ซึ่งเป็นวัคซีนป้องกัน 4 สายพันธุ์ ใช้ได้ในคนที่อายุมากกว่า 4 ปีขึ้นไป
นอกจากเทคโนโลยีเซลล์เพาะเลี้ยง วัคซีนไข้หวัดใหญ่ยังมีการพัฒนาอีกขั้น คือการใช้เทคนิคตัดต่อพันธุกรรม เอาโปรตีน Haemagglutinin บนผิวไวรัสมาใส่ในไวรัสที่ไม่ก่อโรค คือ Baculovirus แล้วฉีดเข้าสู่ร่างกาย โดยไวรัสตัวนี้ จะพาโปรตีนไปกระตุ้นภูมิคุ้มกันของร่างกายต่อโรคไข้หวัดใหญ่ ซึ่งก็สามารถใช้ได้ในคนที่แพ้ไข่ไก่ วัคซีนที่ใช้เทคนิคตัดต่อพันธุกรรม ได้แก่ Flublok quadrivalent ซึ่งวัคซีนนี้จะใช้ได้ในคนที่อายุ 18 ปีขึ้นไป
การใช้เซลล์เพาะเลี้ยง ทำให้คนที่แพ้ไข่ไก่สามารถฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ได้
6. การฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อได้ 100%
จากการศึกษาถึงปัจจุบัน ประสิทธิภาพของวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ช่วยป้องกันการป่วยจากติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ได้ 40% – 60% ช่วยลดความรุนแรงของโรคถ้าหากป่วยได้ ลดการนอน ICU 26% ลดความเสี่ยงเสียชีวิตได้ 31% แม้ว่าตัวเลขอาจจะดูไม่มาก แต่ถ้าถามว่า วัคซีนไข้หวัดใหญ่ จำเป็นไหม ตอบได้เลยว่าจำเป็น เพราะการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่นั้นติดง่ายมาก ถ้ามีเกราะป้องกันที่ลดความรุนแรงของโรคได้ ก็จะลดค่าใช้จ่ายต่างๆ จากการรักษาพยาบาล ไม่ต้องเสียเวลานอนโรงพยาบาล และลดการสูญเสียได้
ฉีดวัคซีน ช่วยลดการป่วยหนัก ลดการเสียชีวิตได้
7. คนท้องติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ แล้วมีโอกาสเสียชีวิตสูงมากกว่าคนทั่วไป
คนท้องเป็นคนกลุ่มเสี่ยงหนึ่งที่หากติดเชื้อไข้หวัดใหญ่แล้ว จะมีโอกาสรุนแรงและเสียชีวิตสูงได้ ดังนั้นการวัคซีนไข้หวัดใหญ่ คนท้องจำเป็นมากที่จะต้องฉีด โดยการฉีดจะช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้ทั้งแม่และลูกหลังจากคลอดด้วย การฉีดจะใช้วัคซีนชนิดเชื้อตาย ฉีดเข้ากล้ามเนื้อ ในหญิงตั้งครรภ์ตั้งแต่ 4 เดือนเป็นต้นไป มีการศึกษาว่าลดโอกาสการเข้านอนโรงพยาบาลได้ถึง 40%
นอกจากคนท้อง คนกลุ่มเสี่ยงที่หากได้ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่แล้วจะมีอาการรุนแรง มีความจำเป็นต้องฉีดวัคซีน ได้แก่
- ผู้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไป
- เด็กอายุตั้งแต่ 6 เดือน ถึง 2 ปี
- คนที่มีโรคประจำตัว ได้แก่ โรคหอบหืด ปอดอุดกั้นเรื้อรัง ถุงลมโป่งพอง หัวใจ เบาหวาน ไตวาย และผู้ป่วยมะเร็งที่ได้รับเคมีบำบัด
- คนที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ จากโรคหรือได้รับยากดภูมิ (รวมถึงผู้ที่ติดเชื้อ HIV ที่มีอาการ)
- โรคธาลัสซีเมีย
- ผู้พิการทางสมองที่ช่วยเหลือตนเองไม่ได้
- โรคอ้วน ที่น้ำหนักมากกว่า 100 กิโลกรัม หรือ BMI มากกว่า 35 กิโลกรัมต่อตารางเมตร
โดยคนที่มีความเสี่ยงดังกล่าว สามารถลงทะเบียนฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ฟรี โดยผ่าน 2 ช่องทาง ได้แก่ลงทะเบียนจองสิทธิด้วยตนเองผ่าน Application เป๋าตัง (Health wallet) หรือลงทะเบียนจองสิทธิ์ที่หน่วยบริการที่เข้ารับการรักษาเป็นประจำ เพื่อนัดหมายสำหรับการเข้ารับบริการวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่
คนท้องควรฉีดวัคซีนเพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรครุนแรงได้
8. การฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ไม่ช่วยป้องกันไข้หวัดธรรมดา
หลายคนอาจสงสัยว่า ฉีดวัคซีนไปแล้ว ทำไมยังป่วยเป็นไข้หวัดได้ คุณอาจเป็นแค่ไข้หวัดธรรมดาก็ได้ เพราะโรคไข้หวัดธรรมดา เป็นโรคที่ติดเชื้อจากไวรัสเช่นเดียวกับไข้หวัดใหญ่ แต่เป็นคนละชนิดกัน อาการของไข้หวัดธรรมดาจะรุนแรงน้อยกว่ามาก อาจมีเพียงไข้ต่ำ ๆ ไอ น้ำมูก เจ็บคอเล็กน้อย และหายไปได้เองใน 1 สัปดาห์ เกือบทั้งหมดไม่ก่อให้เกิดอาการที่รุนแรง ไม่ทำให้เกิดปอดบวม ดังนั้น แม้ว่าการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่จะยังทำให้ป่วยเป็นไข้หวัดธรรมดาได้ แต่ถ้าได้รับเชื้อไข้หวัดใหญ่ ก็จะไม่ทำให้เกิดอาการรุนแรงนั่นเอง
วัคซีนไม่ช่วยป้องกันไข้หวัดธรรมดา อาจมีโอกาสติดเชื้อได้
9. ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ร่วมกับวัคซีนโควิด 19 ได้ โดยเว้นระยะห่าง 2 – 4 สัปดาห์
โรคโควิด 19 เป็นโรคติดเชื้อจากไวรัสโคโรนา ที่ทำให้ติดเชื้อทางเดินหายใจ และมีความรุนแรงได้เช่นเดียวกับไข้หวัดใหญ่ หากมีอาการระบบทางเดินหายใจ อาจมีความสับสนว่าติดเชื้อใดกันแน่ การฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ จะช่วยลดความสับสนนั้นได้
ลำดับการฉีดวัคซีนก่อนหลังไม่สำคัญ เพียงแต่ต้องห่างกัน 2 – 4 สัปดาห์ หากท่านยังไม่ได้คิวฉีดวัคซีนโควิด 19 แนะนำว่าให้ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ก่อน แต่ถ้าได้คิวฉีดวัคซีนโควิด 19 แล้ว ให้ฉีดตามคิวครบ 2 เข็มก่อน แล้วเว้นระยะห่าง 2 – 4 สัปดาห์ค่อยไปฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่
วัคซีนโควิดฉีดพร้อมไข้หวัดใหญ่ได้ แต่ต้องห่างกัน 2- 4 สัปดาห์
10. เชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่กลายพันธุ์ทุกปี
หนึ่งในคำถามที่หลายคนสงสัย ว่าการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ต้องฉีดทุกปีไหม หรือ วัคซีนไข้หวัดใหญ่ อยู่ได้นานแค่ไหน อยู่ได้กี่ปี ทำไมต้องฉีดทุกปี ซึ่งการจะตอบคำถามเหล่านี้ ต้องเข้าใจว่าเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ เป็นเชื้อไวรัสที่มีการกลายพันธุ์ได้ตลอดเวลา นอกจากสายพันธุ์ใหญ่ A B C และ D แล้ว ในสายพันธุ์ย่อยของ A และ B ยังมีการแบ่งลงไปตามพื้นที่ที่ค้นพบ ซึ่งในแต่ละปี องค์การอนามัยโลก จะรวบรวมข้อมูลจากทั่วโลก มาวิเคราะห์สายพันธุ์ที่มีโอกาสระบาดได้ในอนาคต มาทำเป็นวัคซีนป้องกันในปีต่อๆไปทุกปี
ตัวอย่างของเชื้อที่นำมาทำเป็นวัคซีนไข้หวัดใหญ่ 4 สายพันธุ์ 2020 – 2021 แบบเพาะเลี้ยงในไข่ไก่ ได้แก่
- A/Guangdong-Maonan/SWL1536/2019 (H1N1)pdm09-like virus
- A/Hong Kong/2671/2019 (H3N2)-like virus
- B/Washington/02/2019 (Victoria lineage)-like virus
- B/Phuket/3073/2013 (Yamagata lineage)-like virus
ส่วนเชื้อที่นำมาทำเป็นวัคซีนไข้หวัดใหญ่ 4 สายพันธุ์ 2021 – 2022 แบบเพาะเลี้ยงในไข่ไก่ ได้แก่
- A/Victoria/2570/2019 (H1N1) pdm09-like virus
- A/Cambodia/e0826360/2020 (H3N2)-like virus
- B/Washington/02/2019 (Victoria lineage)-like virus
- B/Phuket/3073/2013 (Yamagata lineage)-like virus
ดังนั้น การฉีดวัคซีนปีก่อน อาจไม่มีประสิทธิภาพต่อเชื้อไวรัสในปีนี้ เพราะเชื้อไวรัสที่กลายพันธุ์ไปอย่างรวดเร็ว และเมื่อเวลาที่มากขึ้น ภูมิคุ้มกันของร่างกายก็จะลดลง นี่คือเหตุผลว่าทำไมต้องฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ทุกปี
เชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่กลายพันธุ์ทุกปี ดังนั้น จำเป็นต้องฉีดวัคซีนทุกปี
สรุป
การฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ทุกปี เป็นเรื่องที่สำคัญ ที่หลาย ๆ คนอาจจะยังไม่ได้ตระหนักถึงมากนัก แต่วัคซีนนี้ช่วยชีวิตได้หลายล้านคนมาแล้วทั่วโลก วัคซีนนี้เป็นวัคซีนเชื้อตายที่มีความปลอดภัยสูง แม้ว่าจะมีประสิทธิภาพป้องกันการป่วยได้ 40% – 60% แต่ช่วยลดการป่วยหนักและป่วยตายได้เป็นอย่างดี การฉีดวัคซีนควรฉีดทุกปี เพราะเชื้อมีการกลายพันธุ์ทุกปี และในแต่ละปีภูมิคุ้มกันต่อเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่จะลดลง พร้อมแล้วหรือยังกับการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ที่จะช่วยดูแลทั้งตัวคุณและครอบครัวที่คุณรัก
อ้างอิง
- https://www.cdc.gov/flu/about/viruses/types.htm
- https://www.cdc.gov/flu/prevent/vaccinations.htm
- https://ddc.moph.go.th/disease_detail.php?d=13
- https://ddc.moph.go.th/dvp/news.php?news=16914&deptcode=
- https://www.fda.gov/vaccines-blood-biologics/lot-release/influenza-vaccine-2021-2022-season
- https://www.pidst.or.th/A710.html