ภูมิแพ้อากาศเป็นการแพ้ที่เกิดขึ้น เมื่อระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายมีปฏิกิริยาตอบสนองที่มากเกินไปต่อสารก่อภูมิแพ้ในอากาศ (Aeroallergen) ตัวอย่างของสารก่อภูมิแพ้ ได้แก่ สปอร์หรือละอองเกสรดอกไม้ โดยสารก่อภูมิแพ้คือสารที่โดยปกติไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย แต่ในบางคน อาจทำให้เซลล์ภูมิคุ้มกันผลิตแอนติบอดีชนิดหนึ่งที่กระตุ้นปฏิกิริยาการแพ้ได้

          ตัวอย่างของสารก่อการแพ้ที่พบได้ในอากาศ ได้แก่

  • ไรฝุ่น
  • ระอองเกสร
  • สปอร์ของเชื้อรา
  • ขนสัตว์เลี้ยง

ภูมิแพ้อากาศอาจเกิดจากสารก่อภูมิแพ้หลากหลายสาเหตุ

โรคภูมิแพ้อากาศจากสารก่อภูมิแพ้จากสัตว์

          สัตว์เลี้ยงในบ้านเป็นสาเหตุของการแพ้ที่พบบ่อยที่สุด ปฏิกิริยาภูมิแพ้อากาศ ที่มีต่อสัตว์ หลายคนคิดว่าการแพ้นั้นถูกกระตุ้นโดยขนของแมวและสุนัข อย่างไรก็ตาม นักวิจัยพบว่าสารก่อภูมิแพ้ที่สำคัญคือโปรตีนในน้ำลาย โดยโปรตีนจะเกาะติดกับขนเมื่อสัตว์เลียตัวมันเอง นอกจากนี้ปัสสาวะยังเป็นแหล่งของโปรตีนที่ก่อให้เกิดการแพ้เช่นกัน และสารที่เป็นโปรตีนเหล่านี้สามารถลอยขึ้นไปในอากาศ

          แพ้ขนแมว เป็นอาการที่มักได้ยินกันบ่อยๆ เนื่องจากแมวอาจมีโอกาสเกิดอาการแพ้ได้มากกว่าสุนัข เพราะแมวมักเลียตัวเองมากกว่า และใช้เวลาอยู่ในบ้าน ใกล้ชิดมนุษย์มากกว่า นอกจากนี้ หนูบางชนิด เช่น หนูตะเภา หนูเจอร์บิล กลายเป็นที่นิยมมากขึ้นในฐานะสัตว์เลี้ยงในครัวเรือน หนูเหล่านี้ก็สามารถทำให้เกิดอาการแพ้ในบางคนได้เช่นกัน

อาการแพ้ขนแมว

อาการแพ้ขนแมวเป็นหนึ่งในโรคภูมิแพ้อากาศที่พบได้บ่อย

          โดยการเกิดภูมิแพ้อากาศจากสัตว์อาจใช้เวลา 2 ปีขึ้นไปในการพัฒนา นอกจากนี้สารก่อภูมิแพ้เหล่านี้สามารถอยู่ในอากาศในบ้านได้หลายเดือนหลังจากสัตว์ถูกนำออกไปแล้วอีกด้วย

อาการแพ้อากาศจากสปอร์ของเชื้อรา

          มีราและยีสต์อยู่หลายพันชนิดที่มีรูปร่าง ขนาด สีแตกต่างกันออกไป ราหรือยีสต์เป็นเซลล์เดี่ยวที่สามารถสืบพันธุ์ได้โดยการแตกสปอร์ แต่ละสปอร์ที่งอกให้เกิดเชื้อราขึ้นใหม่ โดยเชื้อราเหล่านี้มักเจริญเติบโตได้ดีในที่ที่มีความชื้น ชั้นใต้ดินและตู้เสื้อผ้าห้องน้ำ ที่นอน เฟอร์นิเจอร์ตกแต่งต่างๆ ที่เป็นสาเหตุของโรคภูมิแพ้อากาศได้

          สปอร์ของเชื้อราถูกปล่อยออกมาจากเชื้อรา พวกมันลอยอยู่ในอากาศและสามารถพบได้ทั้งกลางแจ้งและในบ้าน ทุกคนที่สูดดมอากาศที่มีอนุภาคเหล่านี้เข้าไป มีบางคนที่มีระบบภูมิคุ้มกันไวและเกิดอาการแพ้ได้ เมื่อผู้ที่แพ้สปอร์ของเชื้อราสูดดมสปอร์เข้าไป ระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายจะกระตุ้นปฏิกิริยา เช่น การจาม น้ำมูกไหล คันริมฝีปาก น้ำตาไหล เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่เชื้อราทุกชนิดที่ทำให้เกิดอาการแพ้ เชื้อราที่ก่อให้เกิดภูมิแพ้ที่พบบ่อยที่สุดคือ Cladosporium และ Aspergillus

แพ้อากาศจากละอองเรณู

          ในแต่ละฤดูใบไม้ผลิ ฤดูร้อน และฤดูใบไม้ร่วง จะมีละอองเรณูเล็กๆที่ถูกผลิตออกจากต้นไม้ วัชพืช และหญ้า ธัญพืชเหล่านี้เกสรเมื่อเราสูดดมเข้าไปอาจทำให้บางคนเกิดภูมิแพ้อากาศ โรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ตามฤดูกาล หลายคนเรียกว่าไข้ละอองฟาง

          ละอองเรณูผลิตโดยพืชตามธรรมชาติ โดยพืชแต่ละชนิดก็มีการผลิตเภสรออกมาแตกต่างกัน ในจำนวนไม่ไม่เท่ากัน เป็นส่วนหนึ่งของการสืบพันธุ์ มักเป็นผงสีเหลืองที่ลอยอยู่ในอากาศ ทำให้เกิดอาการแพ้ในผู้ที่แพ้ โดยอาจมีอาการเช่น จาม หายใจลำบากมีเสียง และมีน้ำมูกไหล หลายคนที่แพ้ละอองเกสรของต้นไม้หรือวัชพืช พวกเขาอาจมีอาการแพ้ตามฤดูกาลต่อละอองเกสรในอากาศเหล่านี้เมื่อจำนวนละอองเกสรมีปรมาณสูงขึ้น

เป็นภูมิแพ้อากาศ

การแพ้ละอองเรณูเป็นหนึ่งในโรคทางเดินหายใจเรื้อรัง ภูมิแพ้ ที่เกิดขึ้นได้ หากไม่หลีกเลี่ยงสาเหตุของการแพ้นั้น

แพ้สารก่อภูมิแพ้จากไรฝุ่นและแมลง

          ไรฝุ่นเป็นแหล่งทั่วไปของสารที่ก่อเกิดภูมิแพ้อากาศ ซึ่งเกิดจากแมลงในอากาศ การแพ้ไรฝุ่นเป็นการแพ้สิ่งมีชีวิตขนาดเล็กที่อยู่ในบ้านเรือนและสถานที่ทำงาน ไรฝุ่นบ้านอาจอยู่ตามเครื่องนอน เฟอร์นิเจอร์ตกแต่ง และพรม เป็นแมลงขนาดเล็กที่เจริญเติบโตในบริเวณที่มีความชื้น เส้นใยจากผ้าประเภทต่างๆ เช่น สำลี ขนนก และวัสดุบรรจุอื่นๆ ก็เป็นสารก่อภูมิแพ้เช่นกัน

          การแพ้ไรฝุ่นอาจส่งผลให้เกิดโรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ มีอาการน้ำมูกไหล อาการหอบหืด หรือผื่นผิวหนังอักเสบจากภูมิแพ้

          นอกจากนี้ แมลงหลายชนิดสามารถลอยอยู่ในอากาศและทำให้เกิดอาการแพ้ได้ สิ่งเหล่านี้รวมถึงน้ำลาย อุจจาระแห้ง เกล็ด และปีกของพวกมัน แมลงสาบ แมลงวัน และแม้แต่ตัวหนอนก็สามารถเป็นแหล่งของสารก่อภูมิแพ้เหล่านี้ได้

สารก่อภูมิแพ้ในอุตสาหกรรมและจากการทำงาน

          ภูมิแพ้อากาศจากมลภาวะ ไม่ว่าคุณจะอาศัยอยู่ในเมืองที่พลุกพล่าน ชานเมือง หรือในชนบท มลพิษทางอากาศเป็นสิ่งที่เราทุกคนต้องพบเจอในจุดใดจุดหนึ่ง การพัฒนาของอุตสาหกรรม และจำนวนยานพาหนะบนท้องถนนที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วทำให้การหลีกหนีมลภาวะยากขึ้นกว่าเดิม สารเคมีที่มีความเข้มข้นสูง เช่น ไนโตรเจนไดออกไซด์ ซัลเฟอร์ไดออกไซด์ และอนุภาคไอเสียดีเซลจากยานยนต์และโรงงาน ทำให้อากาศของเราเสียทุกวัน ผลการศึกษาล่าสุดขององค์การอนามัยโลก WHO พบว่า 9 ใน 10 คนบนโลกหายใจเอาอากาศที่มีมลพิษสูง และอินเดียเป็นหนึ่งในประเทศที่มีมลพิษมากที่สุดในโลก แม้ว่าสารมลพิษเหล่านี้จะเป็นอันตรายต่อผู้คนที่หายใจเข้าไป แต่ผู้ที่มีอาการภูมิแพ้อากาศ จะรับมือกับสภาวะแบบนี้ได้ยากกว่าคนปกติ

          สาเหตุของการแพ้มลพิษทางอากาศ เกิดจากการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของการขยายตัวของเมือง อุตสาหกรรม และการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการใช้ชีวิต มลพิษทางอากาศได้เพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก ซึ่งนำไปสู่การเพิ่มขึ้นของจำนวนโรคภูมิแพ้ที่เกิดจาก มลพิษทางอากาศเช่นกัน สารระคายเคือง เหล่านี้ ได้แก่ ควันบุหรี่ ควัน สารพิษ ที่ปล่อยจากยานพาหนะ อุตสาหกรรม มลพิษจากปล่องโรงงาน ฝุ่นละออง สารพิษทางการเกษตรและยาฆ่าแมลง ฝนกรด เป็นต้น

          ผู้ที่แพ้เฉพาะจากมลภาวะเท่านั้น อาจมีอาการคัน คอแห้ง น้ำมูกไหล จาม และภูมิแพ้ขึ้นตา น้ำตาไหล โดยอาจเป็นเรื่องยากที่จะระบุได้ว่าบุคคลหนึ่งอาจเป็นโรคภูมิแพ้อากาศจากสารประเภทใด ทางที่ดีควรไปพบแพทย์

ภูมิแพ้ขึ้นตา

อาการภูมิแพ้อากาศที่พบบ่อย ได้แก่ อาการคัน คอแห้ง น้ำมูกไหล จาม และภูมิแพ้ขึ้นตา น้ำตาไหล

คุณทราบหรือไม่สภาพอากาศในแต่ละฤดูมีผลต่อการเกิดภูมิแพ้อากาศอย่างไร

          โดยปกติแล้วสภาพอากาศสามารถเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดอาการภูมิแพ้อากาศทั่วไปได้ เช่น

  • ในวันที่อากาศแห้งและมีลมแรง ลมมักพัดละอองเรณูขึ้นไปในอากาศทำให้เกิดไข้ละอองฟางได้ง่าย หากคุณแพ้เกสรดอกไม้ ให้ปิดหน้าต่างและอยู่ในบ้านในวันที่ลมแรง
  • วันที่ฝนตกหรืออากาศชื้น ความชื้นทำให้เชื้อราเติบโตทั้งในและนอกบ้าน ไรฝุ่นยังเจริญเติบโตได้ดีในอากาศชื้น แต่ถ้าคุณแพ้ละอองเกสร วันที่อากาศชื้น ความชื้นจะทำให้ละอองเรณูตกลงบนพื้น
  • อากาศเย็น ผู้ที่เป็นโรคหอบหืดจากภูมิแพ้จำนวนมากพบว่าอากาศเย็นเป็นปัญหาโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อออกกำลังกายนอกบ้าน สามารถทำให้เกิดอาการไอมากขึ้นได้ เรียกว่าอาการแพ้อากาศเย็น
แพ้อากาศเย็น

ผู้ที่มีประวัติเป็นภูมิแพ้อากาศ เมื่ออากาศเย็นอาการของโรคมักเป็นมากยิ่งขึ้น ทำให้เกิดอาการไอมากขึ้นได้

  • ความร้อน มลพิษทางอากาศเลวร้ายที่สุดในวันฤดูร้อน โอโซนและหมอกควันสามารถเป็นตัวกระตุ้นที่ร้ายแรงสำหรับผู้ที่เป็นโรคหอบหืดจากภูมิแพ้

แพ้อากาศ อาการแพ้ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้นคุณสามารถเตรียมตัวอย่างไรได้บ้าง

          เตรียมตัวหากเกิดอาการภูมิแพ้อากาศ หากคุณมีอาการแพ้แบบเดียวกันทุกปี ในฤดูใบไม้ร่วงหรือละอองเกสรของต้นไม้ในฤดูใบไม้ผลิ อาจลองอบถามแพทย์ว่าคุณสามารถเริ่มใช้ยาภูมิแพ้ ประมาณ 2 สัปดาห์ก่อนที่คุณจะเริ่มจาม ไอ หรือมีอาการคัน เพื่อเป็นการป้องกันอาการภูมิแพ้อากาศที่อาจเกิดขึ้น

          ควบคุมสภาพแวดล้อมของคุณ เนื่องจากคุณไม่สามารถเปลี่ยนแปลงสิ่งที่เกิดขึ้นได้ แต่คุณสามารถควบคุมเงื่อนไขบางอย่างในบ้านของคุณได้ เช่น ใช้เครื่องปรับอากาศกรองเชื้อราและเกสรดอกไม้ ใช้เครื่องลดความชื้นเพื่อป้องกันการเจริญเติบโตของเชื้อราและไรฝุ่น

          เข้ารับการวินิจฉัยที่ถูกต้อง อย่าเพิ่งเดาว่าอะไรทำให้เกิดอาการแพ้ ควรพบแพทย์เพื่อทำการทดสอบการแพ้ทางผิวหนัง ซึ่งสามารถแสดงให้เห็นได้อย่างชัดเจนถึงสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการของคุณ เมื่อคุณได้ผลลัพธ์ คุณอาจลองเกี่ยวกับการบำบัดด้วยภูมิคุ้มกัน เช่น ช็อตภูมิแพ้ที่สามารถช่วยรักษาอาการแพ้ได้

ดูเพิ่มเติมเกี่ยวกับการรักษาโรคภูมิแพ้ที่นี่

“ยาแก้แพ้ควรเลือกอย่างไร รวมข้อมูลของยารักษาภูมิแพ้ที่นี่ที่เดียว”

การจัดการและการป้องกันภูมิแพ้อากาศง่ายๆด้วยตัวคุณเอง

          การป้องกันภูมิแพ้อากาศที่ดีที่สุดคือการหลีกเลี่ยงสารที่ก่อให้เกิดอาการแพ้ และกำจัดสารก่อภูมิแพ้ในอากาศ ได้แก่

  • หลีกเลี่ยงการปูพรม การใช้เฟอร์นิเจอร์ที่หุ้มด้วยผ้า และผ้าม่านหนาๆที่เก็บฝุ่น สิ่งเหล่านี้สามารถกักเก็บไรฝุ่นได้ จะดีกว่าถ้าเลือกใช้วัสดุที่มีพื้นผิวที่คุณสามารถเช็ดทำความสะอาดได้
อาการของภูมิแพ้

หมั่นทำความสะอาดพรม ผ้าม่าน ฟอร์นิเจอร์ต่างๆในบ้าน เพื่อกำจัดไรฝุ่น อย่างสม่ำเสมอ

  • ทำความสะอาดห้อง และเฟอร์นิเจอร์บ่อยๆ ใช้ผ้าแห้งเช็ดฝุ่นออกทุกสัปดาห์ การปัดฝุ่นและการดูดฝุ่นอาจทำให้ฝุ่นฟุ้งกระจายได้ คุณจึงควรสวมหน้ากากระหว่างการทำความสะอาดด้วย พรมดูดฝุ่นแบบเปียกหรือแบบไอน้ำอาจเป็นทางเลือกที่ดี
  • กำจัดตุ๊กตาที่มีขนที่จะเป็นแหล่งกักเก็บของฝุ่นออกไปจากบ้าน เพื่อลดความเสี่ยงของภูมิแพ้อากาศในบ้าน
  • ปิดประตูและหน้าต่าง โดยเฉพาะในช่วงฤดูที่จำนวนละอองเรณูสูงกว่าปกติ หลีกเลี่ยงการออกนอกบ้านในช่วงเวลาดังกล่าว
  • รักษาให้ความชื้นต่ำ รักษาความชื้นสัมพัทธ์ในบ้านของคุณให้ต่ำกว่า 50% เพื่อลดการเติบโตของไรฝุ่น
  • ใช้กรองอากาศ การใช้แผ่นกรองอากาศ เช่น แผ่นกรอง HEPA (กรองอากาศที่มีอนุภาคเล็ก ประสิทธิภาพสูง) สามารถดักจับสารก่อภูมิแพ้เหล่านี้และลดอาการแพ้ได้ พวกมันทำงานโดยการบังคับอากาศผ่านตาข่ายเล็กๆ ที่จะป้องกันสารก่อภูมิแพ้จากการกระตุ้นการแพ้ของคุณ
รักษาภูมิแพ้

แผ่นกรอง HEPA ช่วยกรองอากาศที่มีอนุภาคเล็กได้อย่างมีประสิทธิภาพสูง

  • ซักและคลุมผ้าปูที่นอน 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์ เพื่อฆ่าไรฝุ่น ใส่ผ้าคลุมที่ที่นอน และหมอนเพื่อป้องกันไรฝุ่นที่ทำให้เกิดภูมิแพ้อากาศ
  • ซักเสื้อผ้าบ่อยๆ ฝุ่นและสิ่งสกปรกจากเสื้อผ้าของคุณอาจทำให้คุณแพ้ได้เช่นกัน ดังนั้นควรทำความสะอาดเป็นประจำ
  • สวมหน้ากากอนามัยที่ออกแบบมาเพื่อกรองละอองเกสรออกจากอากาศและป้องกันไม่ให้ไปถึงจมูกถ้าคุณต้องทำงานกลางแจ้ง
  • พักผ่อนอย่างเต็มที่เพื่อให้ร่างกายสมบูรณ์และแข็งแรงเพียงพอที่จะต่อสู้กับการแพ้

สวมหน้ากากอนามัยที่สามารถกรองฝุ่นละอองได้ดี เมื่อต้องออกมาข้างนอก